วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

Review Ultrasone HFI-580

ห่างหายไปนานกับการเล่าเรื่องหูฟังกันแบบยาวๆเพราะไปทำแอมป์ซะเยอะ ตอนนี้ก็มีให้เลือกใช้เพียบแล้วแต่ว่าทำเป็นรึเปล่า
เมื่อแอมป์เยอะแล้วก็ต้องมีหูฟังด้วยเพราะถ้าไม่มีมันเราคงไม่ได้มานั่งทำแอมป์เพราะไม่รู้จะทำไปทำไม
วันนี้จะมาโม้เรื่องของหูฟัง Ultrasone HFI-580

ก็ไม่ใช่ของคนอื่นคนไกลก็สปอนเซอร์เวปเรานี่แหละดูที่ด้านบนหน้าแรกนะครับถ้าอยากซื้อหา
สำหรับรุ่นนี้ผมได้รับสินบนในการเขียนคือ บ้านเดี๋ยวกลางใจเมืองกับรถยนต์ฮอนด้าซีวิครุ่นใหม่ป้ายแดงพร้อมแม่บ้านสาวสวย1คน
จ๊ากส์...หูฟังตัวเดียวทำไมได้มากมายขนาดนั้น... Shocked

แล้ว ผมก็ตกใจตื่นไง แค่ฝันอ่ะนะใครจะบ้าให้มาเขียนรีวิวหูฟังแค่เนี้ย การที่ได้ยืมมาฟรีถือว่าเป็นการช่วยเหลือให้ผมได้มีงานทำ ได้เขียนเนื้อหาดีๆมาให้ชาวเราได้อ่านกันแบบมีสาระบ้างไร้สาระบ้าง ดังนั้นรีวิวนี้ฟรี!!!
ด้วยเหตุผลที่ฟรีเพราะที่บ้านรวย จะรับเงินมาอีกก็กลัวว่าพอเอาไปวางข้างบนแล้วจะล้มลงมาทับ จะวางข้างล่างก็ไม่มีที่วาง เฮ้อ...สมพรปากและจะได้ฉะถึงความห่วยของมันได้อย่างตรงๆไม่ต้องเกรงใจว่า ชาติหน้าท่านจะมาเอาเงินคืน Tongue

เอา ล่ะไร้สาระมามากแล้วมาเข้าเรื่องหูฟังกันบ้าง Ultrasone ก็เป็นหูฟังนำเข้าจากเมืองไส้กรอกแต่เดี๋ยวนี้ก็ได้ย้ายฐานการผลิตมาอยู่ที่ ไต้หวันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังดีกว่าจีนหน่อยนึง ก่อนหน้านี้ผมได้มีโอกาสครอบครองรุ่น HFI-15G อยู่ตัวนั้นยังคงเป็นเยอรมันอยู่ น่าเสียดายที่ไม่เก็บไว้ แต่การที่ย้ายที่ผลิตก็ไม่ได้ทำให้ Ultrasone ขี้เหร่ลงแต่อย่างไร
Ultrasone HFI-580 เป็นหูฟังในสาย Consumer หรือหูฟังแบบบ้านๆที่ถูกออกแบบมาเพื่อการฟังเพลงนั่นเอง มันเป็นหูฟังแบบปิดมีขนาดไดร์เวอร์50มม.ซึ่งพอดีกับตัวกระโหลกมันไม่ได้ใหญ่ โตเหมือนยี่ห้ออื่นและยังมีแผ่นป้ายอลูมีเนียมลายนูนต่ำแจ้งว่าเป็นหู ultrasone HFI-580 ไม่ลบเลือนง่ายแม้ท่านจะนำไปขูดขอหวยยามว่างเดือนละ2คร้ง ความบีบรัดของหูฟังใหม่ๆผมให้เป็นรองจาก Sennheiser แบบ 10/8คะแนน เพราะheadband แข็งเอาการแต่คิดว่าใช้ไปสักระยะน่าจะคลายตัวได้ดีกว่า Sennheiser แน่นอน Cheesy

ตัว ชิ้นงานทั้งหมดทำจากพลาสติกเนื้อดีสีดำผิวสากปานกลางไม่เป็นมันเงา Muff โฟมPUรวมถึง Headbandด้วย สายออกข้างซ้ายข้างเดียวผมชอบแบบนี้เพราะไม่เกะกะ แต่บรรดาเซียนว่ามันจะไปดรอปที่ความยาวสายต่อพ่วงไปทางหูด้านขวาที่ยาวกว่า ...นะ...ก็ว่ากันไป Cool

ใน กล่องมีถุงผ้ากำมะหยี่ไว้ใส่หูแถมมาด้วยพร้อม CD เทสเสียงที่ผมอยากเอาให้โหลดจังแต่ไม่ได้หรอกเดี๋ยวเจ้าของลิขสิทธิ์จะมา จั่วเอาได้ ออ...อีกอย่างคือแจ็คแปลงเป็น ??แบบขันเกลียวชุบทอง1ตัว

ภาย นอกด้านงานประกอบของ Ultrasone HFI-580 ผมให้คะแนน 9เต็ม10 ที่กั๊กไว้หน่อยเพราะมันดันใช้ โฟม PU มาทำ Muff ซึ่งอับและร้อนใส่นานๆไม่ได้ไม่โดนใจคนเขียนว่างั้น...แต่ข้อดีมันก็คือเก็บ เสียงดีกว่าฟองน้ำหรือผ้า

ข้อมูลทางเทคนิค
S-Logic? Natural Surround Sound Plus
Dynamic principle
Frequency range 10-22.000 Hz
Impedance 32 Ohm
Sound pressure level 101 dB
MU Metal bufferboard, reduced field emissions
in accordance with ULE (=Ultra Low Emission) standard
Driver 50 mm Mylar
Weight 285 g (without cord)
Straight cord (length ca 3m)
3,5/6,3 mm screwable gold-plated plug
Transportation bag
Demo CD
Instruction manual

แรก เริ่มกับเสียงหูฟังแกะกล่อง มันช่างบาดแก้วหูจริงๆ แต่ไหน???ถ้านึกไม่ออกว่าเป็นไงให้จินตนาการถึง MS2i แบบยังไม่เบิร์นครับ แบบนั้นเลย จากการฟังคร่าวๆ Ultrasone มันมีบุคลิกแบบผสมระหว่างหูฟังหลายยี่ห้อที่เราคุ้นเคย มันมีความสด/จัดของ Grado มีความกว้างแบบ AKG ส่วนเสียงอื่นยังไม่เด่นชัดว่าจะไปทางใดคงต้องเผายาวๆเพื่อความแน่ใจ แต่ที่รู้ๆคือมันขับค่อนข้างง่ายครับ ง่ายกว่า HFI-15Gที่ผมเคยมีมาก iPod ก็ขับได้

การเผาหูฟัง Ultrsone HFI-580 ครั้งนี้ผมใช้ Ammchor?s Heed ตัวโมฯเต็มสูบของผมเองเป็นตัวหลักโดยเปิดเพลงในความดังปกติไปเรื่อย พักบ้างตามการฟังปกติ หยิบมาใส่บ้างเป็นครั้งคราว ไม่ได้หักโหมเพื่อที่จะรีบร้อนให้ได้

ในช่วง20ชั่วโมงแรกผมได้รับรู้ ถึงความเปลี่ยนแปลงของมันในเรื่องเบสที่ของเดิมจะแข็งกระด้างมันลบความแข็ง ลงและเป็นกลุ่มก้อนมากขึ้น ถ้าใครเคยฟัง?พระกาฬช้างถีบ? ตัวนี้ก็น้องๆล่ะครับ เสียงคมบาดลดลงเสียง ฉ.ซ.ช ลดลงมากแต่ก็ยังไม่หมดไปหลายคนอาจมองว่ามันเป็นเสน่ห์แต่คนที่ชอบนุ่มๆอาจ ไม่ถูกใจเท่าไหร่ เสียงกลางฟังแล้วยังเหมือนถูกโดดเดี่ยวอยู่กลางเวทีที่โอ่อ่ามากๆ นักร้องตัวเล็กไปหน่อย

เมื่อผ่านพ้นมาถึงร้อยกว่าๆทุกอย่างก็ลงตัวและคิดว่าหูฟัง Ultrasone HFI-580 ตัวนี้พร้อมที่จะรีวิวอย่างเต็มรูปแบบแล้ว

ว่า กันโดยรวมแล้วหูฟัง ultrasone HFI-580 เป็นหูฟังที่เน้นฟังเอามันส์โดยไม่เพ่งเนื้อหาสาระเท่าไหร่เพราะเบสนำ เป็นรูปเป็นร่าง ตึ๊บได้ใจ ทั้งในช่วงต้นและช่วงกลางของเสียงเบส แบเบสแบบลึกๆไม่ปรากฏให้ได้ยินชัดเจนนัก เนื่องจากความอิมแพคในส่วนเบสค่อนข้างสูงขนาดช่วงความถี่เบสจึงยังไม่ทันแผ่ ลงไปก็สิ้นเสียงเสียก่อน

กระเดื่องกลองแน่นสืบเนื่องมาจากเสียงเบส (ความถี่ใกล้เคียง)การตีไล่ระดับกลองแต่ละเสียงชัดเจน มีจังหวะที่ดี ความลึก ใกล้/ไกลจของเสียงโทนนี้ทำได้สมบูรณ์ แต่สแนร์เบาเหมืนไม่มีแรงเท่าไหร่ส่วนหนึ่งเพราะเสียงโทนต่ำมันแรงจนไปกลบ สแนร์

เสียงร้องที่ก่อนเบิร์นเล็กๆลีบๆก็ดีขึ้นมากแต่ยังเป็นเสียง ร้องที่ไม่เปิดเต็มที่ มันกึ่งๆเปิดเหมือนนักร้องอมเสียงเอาไว้บางส่วน(นึกถึงอริสมันต์) เสียงร้องบีบเล็กน้อย แต่ก็หวานพริ้วได้ดี การลากเสียง สบัดปลาย นับว่าทำได้ดีในจุดนี้ อย่างน้อยก็ไม่ก้องและขึ้นจมูกซึ่งผมเกลียดมาก

เสียง สูงคมชัดแต่ไม่แพรวพราวเป็นประกายนัก มันมีเม็ดเสียงที่ละเอียดพอสมควรแต่ไม่มากถึงขั้น AKG ที่ปล่อยให้เสียงสูงไหลไปได้เรื่อยๆ แต่ ultrasone HFI-580มีการตัดปลายเสียงและรายละเอียดบางส่วนออกบ้าง

นอกจากเบส แล้วความกว้างขวาง โอ่โถงของเวทีที่สุดยอด ให้ความรู้สึกเหมือนชมคอนเสริทต์ ดูหนังก็ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ HFI-580ทำได้ดีไม่แพ้ฟังเพลง ถ้าได้ใช้กับพวกคลาสสิค โอเปร่า หรือการแสดงสดวงร็อคน่าจะเข้าทาง

เปียโน/กีตาร์และเครื่องเครื่องสาย แบบดี/เคาะ ชัดแต่ไม่ใช้มิติที่ดีมาก กล่าวคือเสียงในการเล่นคอร์ดกีตาร์หรือเสียงที่มีการเล่นตัวโน๊ตมากกว่า 1 ตัวออกมาพร้อมๆกันมันพรั่งพรูออกมาเร็วจนไม่มีการหน่วงของเสียงแบบ
ธรรมชาติ เครื่องสี/เป่าหรือออแกน ทำได้ดีปานกลาง มีความต่อเนื่องของเสียงฟังแล้วไม่ขาดอารมณ์

ฟัง แยกแบบเป็นส่วนอาจรู้สึกว่ามันดีมั่งไม่ดีบ้าง แต่ทั้งนนี้เวลาฟังเพลงเราต้องฟังรวมทุกองค์ประกอบอยู่แล้ว หูฟัง Ultrasone HFI-580 ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเพลงทั่วๆไปเน้นฟังแบบหลากหลาย โดยใช้เบสเป็นตัวชูโรง เสียงออกแนวจัดจ้าน มวลมากหน่อย ไม่ได้ไปถึงขั้น Audiophile แต่เป็นหูฟังเพื่อความสนุกสนานสไตล์วัยรุ่น ความสวยงามทนทาน ออกแบบตัวผลิตภัณฑ์ดี

สุดท้ายหากจะซื้อหามาเป็นเจ้าของให้ลองฟังก่อน ครับเพราะแนวเพลงของแต่ละคนมันแตกต่างกัน อย่างผมฟังแจ๊สวงเล็กที่เสียงค่อนข้างใกล้ ฟังแล้วหูจะทะลุเอา แต่กับเพลง hip-hop,pop,rock มันก็มันส์ดี

Ultrasone Pro 2500 หูฟังที่ผมเขียนรีวิวนานโคตรรรรรร....

ขึ้นหัวเรื่องไว้แล้วก็คงสงสัยกันว่าหูฟังตัวเดียวทำไมถึงต้องเขียนรีวิวนานขนาดนั้น ไม่ใช่นานธรรมดานะครับแต่มันปาไปถึง4เดือน ที่นานเพราะหูฟังตัวนี้มันเบิร์นนานมากกว่าจะเข้าที่ แล้วก็เรื่องมากกับอุปกรณ์ต่อพ่วงหยุมหยิมแบบถ้าเอาตัวไหนมาต่อแล้วไม่ลงตัวก็เข้ารกเข้าพง ฟังไม่ได้เหมือนกับเป็นหูฟังคนละตัว ไม่เชื่ออย่าลบหลู่เพราะเรื่องเสียงมันเป็นวิทยาศาสตร์ที่มักจะรวมกับศิลป์และไสย์เข้าด้วยกันไว้เสมอ...

ไม่พูดมากแล้วผมว่าเรามาที่เรื่องเสียงของมันเลยดีกว่า ภาพของมันคงไม่ต้องดูมากเพราะ Ultrasoneหน้าตาก็เหมือนๆกันหมด มีจุดเด่นที่การเปลี่ยนสายโดยเสียบแจ็คไม่ต้องรื้อออกมาให้เสียของ

แรกเริ่มเดิมทีของPro 2500ตอนยังไม่ได้เบิร์นเข้าที่ เสียงของมันนั้นช่าง จัด หนา บวม มั่ว ห่วย....
จริงๆนะ ถ้าใครมาฟังหูฟังตัวนี้ที่ราคา 13000บาทตอนยังไม่ได้เบิร์น อย่างมากราคาของมันตอนนั้นได้3900บาทก็นับว่าแพงแล้ว ถ้าร้านค้าใดเอาตัวใหม่ไปให้ลูกค้าลองได้มีการเลิกขายเป็นแน่
แล้วทำไมมันต้องเบิร์นเยอะๆๆ แล้วเยอะแค่ไหน

2000ชั่วโมงคงไม่น้อยเกินไปแต่ถ้าใครไม่รู้จักหูฟังยี่ห้อนี้คงต้องบอกว่า โอ้โฮ "เบิร์นขนาดนั้นคงใกล้พังแล้ว"
ใช่ครับ มันกำลังจะพังหลังเบิร์นเสร็จ....
ไม่หรอกพี่น้อง ถ้ามันพังง่ายขนาดนั้น ผมว่าไปซื้อตัวอื่นที่ไม่ต้องเบิร์นมาเล่นดีกว่า ที่ต้องนานขนาดนั้นอาจเป็นเพราไดอะแฟรมที่หนาและมีการขึ้นลอนละเอียดยิ่งกว่ากระเบื้องลอนคู่ตราห้าห่วง ที่ทั้งหนาทั้งแข็ง เสียงเริ่มแรกจึงค่อนข้างกระแทกกระทั้นและจริงจัง แต่ถึงยังไม่ได้เบิร์น เจ้า pro 2500 ก็ได้ให้เสียงที่บ่งบอกถึงยี่ห้อของมันออกมาได้เป็นอย่างดีคือ กลองนำ เบสตาม กว้างและโอบล้อม มวลกระอัก Lips Sealed

เบิร์นอย่างไรดี...
ก็เปิดไปเรื่องๆด้วยแหล่งสัญญาณที่ดี เครื่องดีๆ สายดีๆ เรียกได้ว่ามีอะไรดีๆก็ใส่มันให้หมด เพราะจะทำให้เบิร์นเสร็จแล้วเสียงก็จะดีด้วย แต่ถ้าไม่มีแอมป์ดีๆเสียบคอมฯเบิร์นก็พอจะแก้ขัดไปได้ แต่มันจะเห็นความเปลี่ยนแปลงช้าสักหน่อย Pro2500มันออกจะเป็นหูฟังที่กลับขั้วกับชาวบ้านเขาอยู่สักหน่อยเมือแอมป์ คือถ้าต่อแอมป์จ่ายกระแสได้มากๆหูฟังอื่นเสียงจะแน่น สเตจจะหุบ กลางจะขยับขึ้นมา แต่Pro2500จะกลับกันคือ เสียงจะโปร่งขึ้น เบสลด กลางถอย สเตจกว้างโปร่ง งงไหมล่ะ
ผมละงงกับมันอยู่นานเลยทีเดียว เอาไปเสียบแอมป์หลอดVสูงฟังหวังว่ามันจะโปร่ง แต่กลายเป็นว่าเบสมาเป็นลูก เสียงกลางบีบแค้น กลองกระแทกแทบสำลัก สุดท้ายต้องเอามาเสียบแอมป์ "ไฮบริดจ์" ศาลพระภูมิ ซึ่งตอนนี้ยังเป็นกระสืออยู่ นับว่าได้เสียงที่ลงตัว และทำให้ Pro2500ฟังดีที่สุด ที่สำคัญมันแรงจึงเบิร์นได้อย่างเต็มกำลัง


รอแล้วรอเล่า เผ้าแต่รอ มันเบิร์นนานจริงๆครับ แต่ระหว่างเบิร์น ผมก็ยังหยิบมาฟังเป็นครั้งคราว มันมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่องๆแบบไม่คงเส้นคงวา บางวันก็ดี บางวันก็ห่วย เหมือนการเบิร์นจะเป็นการรดน้ำมนต์ให้ผีที่สิงอยู่มันออกไปสักที บางวันเบิร์นแอมป์ตลอดก็ไมได้เดี๋ยวแอมป์จะกลับบ้านเก่าไปซะก่อน ก็ย้ายมาเสียบคอมฯ... รอต่อไป

แล้วก็สิ้นสุกการเบิร์น ปาไป2เดือนครับ นานจริงๆ ราคาหูฟังเลยต้องรวมกับค่าไฟไปด้วยอีกถ้าใครจะซื้อหูฟังตัวนี้ก็คิดว่ามันราคา14000บาทแล้วกัน
พอเบิร์นเสร็จแล้วทุกคนคงคิดว่า ultrasone pro 2500คงลาโลกนี้ไปซะแล้ว ยังครับท่าน มันยังอยู่ดีมีสุขและยังเสียงดีหอมหวานปานมะม่วงน้ำดอกไม้ที่ผ่านการบ่ม(เป็นมะม่วงจริงก็คงเน่า) อยากฟังของดีก็ต้องอดทนครับ ถ้าใครทนได้อาจเจอหูฟังตัวสุดท้ายที่ท่านรอคอยหลังจากลองผิดลองถูกซื้อๆขายๆมาเป็นแสนๆบาทแล้ว

ดีแค่ไหนคงบอกไม่ได้ถ้าไม่ ต้องตัวเทียบ ผมมี3ตัวที่พอจะเทียบได้คือ K701 HD650 DT880 สามทหารเสือที่ซื้อมาแล้วไม่เคยคิดขายเพราะถ้าขายแล้วอาจไม่มีโอกาสได้ซื้ออีก เนื่องจากมันเป็นหูฟังระดับ "พระกาฬ" (คำคุ้นๆมะ)

พอหยิบเอามาสวมหัวเท่านั้นแหล่ะ จ๊ากกก... เบิร์นหูฟังแต่ลืมเบิร์น headband หนีบหัวน่าดู เรียกได้ว่าหนีบที่สุดในบรรดาหูฟังแล้วมั้ง

เริ่มที่K701หูฟังที่นักฟังรุ่นใหญ่จะพลาดไม่ได้ รู้กับว่าเสียงสูงดี กลางหวาน เบสไม่มาก เวทีกว้าง แต่เมื่อจับคู่กับ ultrasone pro 2500ทั้งสองตัวก็ยังกินกันไม่ลงอยู่ดี
K701ถนัดเพลงอคูสติกเครื่องสาย หรือเพลวจีนร้องที่มีพิณ/ซอ/ขลุ่ย บรรเลงเป็นฉากหลังเน้นความกว้างเป็นหลัก เรื่องความกว้างultrasone pro 2500ไม่แพ้K701แม้แต่น้อย ซ้ำยังได้เปรียบเรื่องความเป็นสามมิติ ได้ความโอบล้อมและบรรยากกาศที่ดีในการฟังเพลง
แหลมสูงใสกิ๊งที่K701ทำได้ดี ultrasone pro 2500ก็ทำได้ดีเหมือนกัน และยังดีกว่าในแง่ของความกระจ่างของตัวโน๊ตที่K701ยังฟังแล้วฟุ้งๆอยู่บ้าง แต่ultrasone pro 2500จะแพ้K701อยู่ที่เรื่องอารมณ์และจินตนาการในการฟังเพลง หรือจะพูดว่าความเป็นอนาล็อกก็ไม่ผิด โดยเฉพาะการลากเสียงที่K701สามารถสร้างความให้ผู้ฟังรู้สึกว่า "มันยังไปได้อีก..." แม้ว่าเสียงนั้นจะเงียบหายไปแล้วก็ตาม แต่ultrasone pro 2500ไม่สามารถให้ความรู้สึกแบบนี้ได้ โดยเสียงของมันจะมีขอบเขตสิ้นสุดที่ผู้ฟังจะสามารถรับรู้ได้ก่อนหน้าที่เสียงนั้นจะหายไปด้วยซ้ำ
เสียงร้องหวานๆลากๆจากK701ยังคงชนะultrasone pro 2500ได้ อยู่ แต่เสียงจากultrasone pro 2500จะถอยไปด้ายหลังมากกว่าทำให้ไม่กดดันเวลาฟัง อันนี้แล้วแต่ชอบ
เบสultrasone pro 2500เอาไปกิน ไม่ว่าจะด้วยประการใดก็ตาม
ความเข้มข้นของเสียงPro2500มีสูงมาก คมชัด จะแจ้ง กว้างK701มากๆ จะว่าไปแล้วultrasone pro 2500น่าจะเป็น ?ด้านมืด? ของK701ได้


DT880 ผมคิดว่าน่าจะเป็นหูฟังที่มีบุคลิกคล้ายๆกับ ultrasone pro 2500มากที่สุด(ยังมีQP400อีกตัว) อาจเป็นเพราะว่าแนวเสียงแบบนี้เป็นที่ชื่นชอบในเยอรมัน ไม่แปลกเลยครับที่เยอรมันจะเคยเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมของโลกมาก่อน ด้วยแนวเสียงที่จริงจัง คมชัด มีระเบียบแบบแผนบ่งบอกถึงอุปนิสัยของคนในชาติได้เป็นอย่างดี แต่DT800ก็ยังได้เรียนรู้ถึงความผ่อนปรนของเสียงมาบ้าง ทำให้ความเข้มข้นของultrasone pro 2500คือญาติผู้ใหญ่ของDT880ถึง2รุ่น
เรียกว่า อะไรที่DT880มี ultrasone pro 2500ก็มี และมีมากกว่าเยอะ ดังนั้นคู่นี้ไม่ต้องชก กรรมชูมือให้เสมอไป เลือกใช้แล้วแต่ชอบครับ อารมณ์ประมาณHD600เทียบกับHD650

HD650ที่มีจุดเด่นทางด้านเบสและเสียงกลางที่กลมกลืน เมื่อเทียบกับ ultrasone pro 2500แล้วยังไงซะHD650ก็ยังชนะอย่างเป็นเอกฉันท์ทางด้านเบสอยู่ดี ด้วยเหตุผลที่คล้ายๆกับK701ชนะultrasone pro 2500ทางด้านเสียงสูงล่ะครับ "ความคาดหวัง" ที่HD650ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่า "เบสมันยังลึกลงได้อีก..." แม้ว่าจะสิ้นเสียงไปแล้วก็ตาม
อิมแพคเบสของHD650ที่เคยคิดว่ามาก แต่เมื่อเทียบกับultrasone pro 2500แล้วก็ยังเป็นรองอยู่ ความเป็นลูก กลุ่มก้อนของultrasone pro 2500นั้นเด่นชัดจนดึงให้ระดับเสียงกลองดังขึ้นด้วย เสียงกลองจะเป็นแบบขึงหนังตึงๆแต่ของHD650จะหย่อนกว่า
ความกลมกลืนของเสียงกลางHD650ทำได้อบอุ่นไม่อยู่ระยะกลางวง ซึ่งเป็นระดับเดียวกับultrasone pro 2500แต่บรรยากาศแวดล้อมของHD650ทำได้ดีกว่า อาจเป็นเพราะวงแคบแต่ultrasone pro 2500วงกว้างกว่า นักร้องเลยฟังแล้วโดดเดี๋ยวไปนิด
เพลงที่HD650ถนัดคงไม่แพ้เพลงแจ๊ควงเล็กซึ่งultrasone pro 2500เมื่อฟังโดยรวมๆก็ฟังได้สนุกไม่แพ้HD650 หรืออาจดีกว่าด้วยซ้ำเมื่อฟังเพลงกระชับกระเฉง ที่เน้นเครื่องเคาะเป็นหลัก หรือพูดง่ายๆว่าเสียงสูงนั้น HD650สู้ultrasone pro 2500ไม่ได้เลย

ที่กล่าวมาข้างต้นก็เหมือนเป็นการยกจุดเด่นของยี่ห้ออื่นขึ้นมาข่มultrasone pro 2500ดูแล้วไม่ค่อยยุติธรรม เหมือนเอาแชมป์หมากรุกไปตีเทนนิส ถ้าPro2500มันชนะหูฟังที่ว่ามาได้ทั้ง3ตัวล่ะก็ ราคามันคงสักสามแสน
แต่ทั้งนี้เพื่อชี้ให้เห็นความสามารถเด่นที่ท่านจะได้จากมันต่างหาก ultrasone pro 2500มันคือการรวมจุดเด่นของหูฟังที่ท่านต้องการรึเปล่า

เขียนมาตั้งยาวอ่านแล้วอาจยัง งงๆว่า เอ๊ะ? แล้วเจ้า ultrasone pro 2500มันไปทางไหนล่ะเนี่ย ผมจะสรุปให่อ่านง่ายๆแล้วกัน

ultrasone pro 2500เป็นหูฟังที่ขับง่าย เน้นความสนุกคึกคักกระฉับกระเฉง แนวเสียงจริงจัง ความชัด เวทีดีเยี่ยมได้ทั้งกว้างลึกและสูง โอบล้อมไปถึงด้านหลัง แต่บางกรณีอาจกระด้างไม่ผ่อนปรน ถ้าไปฟัง Bossanovaก็ตายสนิท(สำหรับบางคน)แต่ไปได้ดีกับเพลง hip-hop เพลงร็อค และคลาสสิคหรือแจ๊สวงใหญ่ นอกจากฟังเพลงแล้วยังเหมาะในการทำเพลงในสตูดิโออีกด้วย (กลองยอดเยี่ยม)

แต่....(สรุปแล้วแต่ยังไม่ยอมจบง่ายๆ)
ทั้งนี้ท่านต้องมีอุปกรณ์ส่วนส่วนควบที่เหมาะสม ไม่ใช่เจออะไรก็เสียบแล้วเสียงจะดี แม้ว่าโอมห์จะต่ำเพียง64 ความไวสูงขับง่าย แต่ถ้าเอามาจิ้มiPodฟัง ผมว่าไปซื้อHFI15Gมาฟังคุ้มกว่า ความขับยากหรือง่ายจึงไม่ใช่ปัญหาของultrasone pro 2500แต่ปัญหาอยู่ที่ขับได้ดีแค่ไหนต่างหาก

แอมป์ต้องแรงครับ อัดกระแสได้มากๆ ถ้าได้คลาสA จะนิ่งและลื่นไหลมาก(ร้อนด้วย) เวทีจะโปร่งกว้าง วงจรแบบdiscreteยิ่งดีใหญ่ จะได้ช่วยเสริมความเป็นอนาล็อกที่ยังขาดไป(มาก)ในultrasone pro 2500
ไม่ควรใช้หลอดด้วยประการทั้งปวงเพราะเบสจะบวมแถมพร่าช่วงปลายๆ การซื้อแอมป์ให้ultrasone pro 2500ต้องลองก่อนนะครับ อย่าเดาสุ่มเพราะมันจะกลายเป็นคนละขั้วได้ทันทีถ้าแอมป์ไม่ถูกโรค

สายต้องพลิ้วไม่จัด หรือพวกตอบสนองช้าๆนั่นเอง พวกสายฝอยละเอียดมากๆยิ่งดี (เลี่ยงสายแกนเดี่ยวซะ) เสียงกลางและสูงจะพลิ้วหวานอย่างรู้สึกได้ ถ้ากลัวกัดหูก็ลองทองแดงของJena ถ้าจะเอาให้ดีเลิศผมว่าลองสายALO SXCเบอร์เล็กทำสายสัญญาณ ถ้างบพอก็เปลี่ยนสายหูฟังมันด้วยเลย 555+ แต่ถ้างบไม่พอลองKinber PBJที่ลดความจริงจังของultrasone pro 2500ได้ดีโดยไม่เสียความลื่นไหล


ย้ำอีกครั้งว่าราคา 13,000บาท และต้องมีแอมป์กับสายที่ดี ถ้าใครจะเล่นตัวนี้ต้องลองทุนมากหน่อยตามสไตล์ฟูลไซด์ อย่างคิดว่าโอห์มต่ำแล้วจะอะไรก็ได้ ท่านกำลังคิดผิด

ปล.เชื่อไหมว่ารีวิวนี่ถูกตัดย่อมาจากความยาวกว่า18หน้าA4